วันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

“เท่งโหน่งจีวรบิน” หนังสนุกดูได้ทั้งครอบครัว

 
    เรียกเสียงฮือฮาไปทั่วบ้านทั่วเมืองสำหรับ “เท่งโหน่จีวรบิน” ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของ เท่ง เถิดเทิง และโหน่งชะช่า ชนิดที่ว่าสร้างกระแสตั้งแต่หนังยังไม่เข้าฉาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บทเพลงประกอบภาพยนตร์ “กินตับ-จีวรบิน” ที่แต่งเนื้อร้อง ออกแบบท่าเต้น และร้องแบบโจ๊ะๆ สนุกๆ โดย เท่ง เถิดเทิง ที่ล่าสุดมียอดจำนวนคนเข้าไปชมในโลกไซเบอร์ไปไม่น้อยกว่า 5 แสนครั้งแล้ว
     ดังทั้งหนังและเพลงเลยทีเดียว ทำให้พอถึงงานเปิดตัวภาพยนตร์ “เท่งโหน่งจีวรบิน” รอบปฐมทัศน์ ทีมงานก็เลยเนรมิตบรรยากาศของงานเป็นรันเวย์ พร้อมแนะนำสายการบินเที่ยวพิเศษ JWL (JEE-WON-BIN) ที่ขนเหล่าแขกซุปตาร์ระดับวีไอพีตั้งแต่ พระเอกมาดเข้ม สมชาย เข็มกลัด, ตลกสุดฮา สมเล็ก ศักดิกุล, นางเอกสุดสวยโม อมีนา พินิจ, ผกก.เลือดไทยมือตัดต่อฮอลลีวู้ด สมิทธิ์ ทิมสวัสดิ์, แก๊งสามช่าอย่าง ท๊อฟฟี่ ตลก 6 ฉาก, ลุงพันชิงร้อย และน้องชายสุดที่รักอย่าง โหน่ง ชะชะช่า พร้อมเหล่าจอมขโมยซีนนักแสดงเด็กปั้นของเท่งโหน่งนับ 10 ชีวิต มาร่วมทะยานขึ้นฟ้าสร้างความฮาเหิรเวหาไปด้วยกัน
                โดยงานนี้เรียกทั้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับแขกที่มาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง นอกจากนี้ยังได้กำลังใจจากพี่น้องเพื่อนพ้องในวงการมากันอย่างล้นหลาม ตั้งแต่ระดับผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการทั้งฝั่งหัวฟิล์มท้ายฟิล์มอย่าง เสี่ยตา ปัญญา นิรันดร์กุล, ประภาส ชลศรานนท์,พาณิชย์ สดสี, บัวไร, รวมไปถึงฝั่งสหมงคลฟิล์มอย่าง เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ, เตือนใจ เตชะรัตนประเสริฐ,  กระแต ศุภักษร, ออย ธนา, น้องสาวคนสวยอย่าง ส้มเช้ง ชะชะช่า, ตั๊ก บริบูรณ์ และนรุตม์ เจีรยสนอง โรงภาพยนตร์ Paragon Cineplex & IMAX ฯลฯ โดยมีไฮไลท์เด็ดสะระตี่และเรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดให้กับแฟนๆ กันทั่วลาน Infinicity Hall  โรงภาพยนตร์พารากอน ซีนีเพล็กซ์ เมื่อได้เห็น ผู้กำกับพระ(เอก) เท่ง เถิดเทิง มาในมาดหล่อเข้มเต็มสูท เท่ห์แบบสุดๆ ทั้งร้องทั้งเต้นแถมควง 2 สาวสวยแอร์โฮสเตสสุดน่ารักประจำสายการบินชนิดวาดลีลากันถึงพริกถึงขิงเลยทีเดียว
ซึ่งผกก.หนุ่มเปิดใจถึงกระแสตอบรับที่ทุกคนมีต่อภาพยนตร์ที่กลั่นมาจากฝีไม้ลายมือของตัวเองให้ฟังว่า
“ต้องขอบคุณทุกท่าน ขอบคุณสื่อด้วยนะครับผม ที่ช่วยนำกระแสของภาพยนตร์เรื่องเท่งโหน่งจีวรบิน และมันเป็นอะไรที่ว่าภาพแบบนี้แม้แต่คนไทยหรือชาวต่างชาติก็ยังไม่เคยเห็น เป็นภาพที่ว่าพระขับเครื่องบิน พระกระโดดเครื่องบิน ชื่อจีวรบินแต่เป็นหนังไทยครับ ซึ่งรับรองว่าในเรื่องนี้จะไม่มีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ถึงแม้ว่าก่อนหน้าที่ภาพยนตร์จะฉายอาจมีคนมองว่ามันทำได้เหรอ เอาพระมาขับเครื่องบินอย่างนี้ จะถูกเซ็นเซอร์ไหม อย่างพระขับรถปิกอัพยังโดน นี่เราก็ลุ้นกันว่ากองเซ็นเซอร์ ลุ้นจนถึงวันนี้ สุดท้ายทุกอย่างแฮปปี้หมดเลยคือผ่านครับ คือเรามีเหตุและผล  และการที่ผมรับบทเป็นพระ ผมไม่ได้สุกเอาเผากิน ผมไม่เคยที่จะตีหัวเข้าบ้าน ผมไม่เคยที่จะมาหลอกตัวเองหรือหลอกประชาชนนะ ทำหนังแล้วเป็นหนังครอบครัว ทำหนังให้ลูกเราดูได้ ทำหนังให้คนดูหนังด่าน้อยที่สุด นี่คือคำพูดของเต๋าครับ  เพราะฉะนั้นเรื่องนี้นะครับไปดูกันครับผม แล้วจะได้สิ่งละอันพันละน้อย ได้ความเป็นธรรมะด้วย  ธรรมสามารถขัดเกลาความดีได้ และที่สำคัญตนเป็นที่พึงของตน”
และเมื่อทุกคนได้เข้าไปชมภาพยนตร์กันแล้ว เสียงตอบรับที่สะท้อนออกมาทำเอา หยาดเหงื่อแรงใจที่ผกก.เท่ง เถิดเทิงทุ่มเทมาตลอด 1 ปี ที่ผ่านมาของการถ่ายทำภาพยนตร์เท่งโหน่งจีวรบิน แทบหายเป็นปลิดทิ้งเลยทีเดียว เมื่อหลายเสียงชื่นชอบกับความตั้งอกตั้งใจ และความสนุกสนานของตัวหนังเองก่อเกิดรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับผู้ชมสมความตั้งใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นภาพยนตร์บันเทิงที่เน้นความสนุกสนานสอดแทรกแนวคิดดีๆ ที่ดูกันได้ตั้งแต่ลูกเด็กเล็กแดงไปจนถึงผู้หลักผู้ใหญ่เลยทีเดียว เหมาะกับเทศกาลตรุษจีนแห่งความสุขของทุกคนในครอบครัวอย่างแท้จริง เข้าฉายแล้ววันนี้ทุกโรงภาพยนตร์จ้า

วันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2554

เปิดรอบ “จิตหลุด” ปฐมทัศน์ “หลุด 4 หลุด”

เปิดรอบ “จิตหลุด” ปฐมทัศน์อย่างยิ่งใหญ่ไปแล้วสำหรับภาพยนตร์แหกกฎความหลอนระทึกเรื่อง “หลุด 4 หลุด” ที่รวมผู้กำกับยอดฝีมือและทีมนักแสดงชั้นนำไว้เต็มจอ เมื่อวันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา ณ โรงภาพยนตร์ SF World ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ท่ามกลางบรรยากาศสุดคึกคักของบรรดาสื่อมวลชนและผู้ร่วมงาน ตลอดจนแฟนคลับที่หลุดเสียงกรี๊ดดังสนั่นต้อนรับเหล่านักแสดงขวัญใจของแต่ละคน
งานนี้มาในธีมศูนย์บำบัดอาการจิตหลุดที่ให้ผู้ร่วมงานร่วมตรวจอาการจิตหลุด และรับยารักษาโรคจิตหลุดฟรี ก่อนที่จะเชิญเหล่าคนไข้จิตหลุดผู้กำกับตัวพ่ออย่างเอกสิทธิ์ ไทยรัตน์, ก้องเกียรติ โขมศิริ, ภวัต พนังคศิริ และ ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ขึ้นมาถามไถ่อาการและพูดคุยเกี่ยวกับ “ความหลุด” สุดขั้วของแต่ละคนในภาพยนตร์เรื่องนี้
 
 จากนั้นจึงเสริมทัพนักแสดงแต่ละตอนขึ้นมายืนยันความหลุดของผู้กำกับแต่ละคน รวมทั้งตอกย้ำความหลอนระทึกของแต่ละตอนอย่างสนุกสนาน โดยเริ่มจากเหล่าเด็กเกรียนหลุดร้ายอย่าง อเล็กซ์ เรนเดลล์,  ชานน ริกุลสุรกาน และ ภัทรพสิษฐ์ สรรพสวัสดีโชติ ใน “เกรียนล้างโลก” / ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ หลุดเหวอใน “ร้านของขวัญเพื่อคนที่คุณเกลียด” / อนันดา เอเวอริงแฮม, ฐิติ เวชบุล, พีระพล เสนาคุณ หลุดหลอนใน “คืนจิตหลุด” และเหล่าครอบครัวตัวเพี้ยนหลุดรั่ว ธีมะ กาญจนไพริน, อลิส ทอย,  อรรถนันต์ ปิยเศรษฐ์, ศิครินทร์ ผลยงค์, เจนจิรา จำเนียนศรี, จิราวัฒน์ วชิรศรัณย์ภัทร

ก่อนที่จะชมตัวอย่างภาพยนตร์ “หลุด 4 หลุด” เป็นการเรียกน้ำย่อยอีกครั้งก่อนเข้าโรงภาพยนตร์ และปิดท้ายด้วยการถ่ายภาพร่วมกันของทีมงานนักแสดงและเหล่าผู้บริหาร


             โปรเจ็คต์ “หลุด 4 หลุด” พร้อมให้สัมผัสประสบการณ์หลุดสุดหลอน 4 เรื่อง 4 อารมณ์ 20 ม.ค. นี้...จิตหลุดทั้งประเทศแน่นอน

อิ่มที่วินเนอร์เฮาส์...ต่อหนมไทยหวานดำรงค์

เรื่อง : ครูกุ๊ก
ภาพ :  ชุน จัดเต็ม
            สมัยเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  ถนนศรีวรายังสร้างไม่เสร็จ  ตึกสำนักงานหรือแม้แต่โรงแรมอย่างที่เห็นทุกวันนี้   ก็ยังไม่มีความเจริญอะไรเข้ามาเลย
นั่นก็หมายความสมัยนั้นยังไม่มีร้านอาหารนั่งสบาย ๆ   อย่างมากก็เป็นพวกบ้านชั้นเดียว  ที่ตั้งตู้ใบนึง  มีเตาถ่านกับกะทะอีกชุดนึง  แค่นี้ก็ขายอาหารตามสั่งได้แล้ว   แต่ลูกค้าก็ต้องทนกินฝุ่นไปด้วยนะ
สาว ๆ ที่ไหนล่ะ  จะทนกับสภาพฝุ่นเยอะ  ร้านไม่มีแอร์เย็น ๆ   สมัยนั้นถ้าจะออกเดท  ก็ต้องไปโน้นเลย...เซ็นทรัลลาดพร้าว
แต่มาถึงยุค ค.ศ.2010  นับวันถนนเส้นนี้ยิงมีสีสันมากขึ้น   แม้ว่าถนนศรีวรานี้จะมีร้านอาหารน่านั่ง...มาไม่ต่ำกว่า 10 ปีแล้ว  ใช่ว่าจะต้องเป็นร้านเก่าแก่เสมอไปนะ   ที่จะอร่อยถูกใจคนรุ่นใหม่หน่ะ
ร้านเปิดใหม่(แต่ได้ชื่อเสียงจากสาขาอื่นมาก่อน)อย่าง “โคขุนคุณทอง”    ที่ “พี่เปิ้ล-นาคร” บอกว่าโชคดีที่พี่ทองยอมให้เข้าหุ้นด้วย  พอเปิดขายเท่านั้นหน่ะ   เป็นสาเหตุให้ถนนเส้นนี้เป็นอัมพาตเชียว  จะเป็นเพราะอะไร...ลองกลับไปอ่านบทความก่อนหน้านี้
ใครจะมาเปิดร้านอาหารบนถนนเส้นนี้  ต้องมีฝีมือจริง ๆ นะ  ไม่เพียงแต่อาหารต้องอร่อยโคตร(คำนี้ไม่ใช่คำหยาบ ออกเสียงว่า...โค-ตะระ)   เรื่องของบรรยากาศก็มองข้ามไม่ได้  ที่สำคัญที่สุดเห็นจะเป็น “เซอร์วิส” นะ  ต้องรวดเร็วทันใจวัยรุ่น
ไม่แปลกที่มีร้านใหม่ ๆ เวียนมาแทนร้านเก่า   ที่เปิดอยู่ได้ไม่กี่ปี...ก็จากไปเสียแล้ว  อย่างว่าแหล่ะ...วัยรุ่นขี้เบื่อก็เงี้ย!!  คนทำร้านอาหารต้องเพิ่งทัมใจ  แต่สำหรับมืออาชีพ   ต้องปรับให้ทันความต้องการของลูกค้า
หากมองในแง่คนทาน  ก็ดีเหมือนกัน...เราจะได้มีอาหารใหม่ ๆ  อาหารนานาชาติมาให้เลือกทานอยู่ไม่ขาด   
บนถนนเส้นนี้ยังขาดก็แต่ “อาหารรัสเชีย” หน่ะ  หลายท่านอาจไม่เชื่อว่าบ้านเราก็มีอาหารรัสเชี่ยนแท้ ๆ  ครูกุ๊กก็เพิ่งค้นพบไม่นาน  ร้านตั้งอยู่ใน กทม.นี่เองไม่ใกล้ไม่ไกลนี่เอง 
หากใครอดรนทนไม่ไหว  อยากไปลองชิมก่อนเพื่อน   รอให้ครูกุ๊กแนะนำในนี้ไม่ไหว  ก็โทรมาถามทางได้ก่อน  เพิ่งไปชิมมาหยก ๆ   แต่ยังไม่ถึงคิวที่จะเขียนขึ้นเวบไซต์ให้
ว่าแต่วันนี้เรามาว่ากันเรื่องอาหารสำหรับคนรักสุขภาพกันก่อน  อาหารเวียดนามก็ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในนั้นด้วย   เนื่องด้วยเกือบทุกเมนู...จะประกอบไปด้วยผัก แถมยังมีตะกร้าผักสดให้กินเคียงแบบไม่อั้น
ตรงนี้พิสูจน์ได้จากลูกค้าของร้าน “วินเนอร์เฮาส์”   ทุกคนดูหุ่นสมส่วน/สุขภาพดี  ยังดูอ่อนกว่าวัยแม้อายุจะมากแล้วก็ตาม  ไม่เชื่อไปพิสูจน์ด้วยตาของท่านเอง
“พีท อย่าแย่งน้องกินผักซิ  จานของเราก็มี”  ครูกุ๊กเผลอดุลูกไปยกใหญ่  ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยทำเช่นนี้
เที่ยงวันอาทิตย์แบบนี้  ครอบครัวไหน ๆ ก็ออกมาทานข้าวข้างนอก  หลังจากนั้นก็จะไปช้อปปิ้งข้าวของเครื่องใช้เข้าบ้าน   ยิ่งเป็นช่วงต้นเดือนแบบนี้   อ้าว...ก็พวกเรามันมนุษย์เงินเดือนนี่นา  จึงเป็นเหตุให้รถราในกรุงเทพติดขัดไปหมด  โดยเฉพาะถนนที่มีซูปเปอร์สโตร์ขนาดยักษ์ตั้งอยู่
“เดี๋ยวแม่ป้อนให้ดีกว่า  ลูกห่อแหนมเนืองใหญ่เกินคำ  จะเคี้ยวลำบากนะ” ลูกพิมติดใจแหนมเนืองเป็นพิเศษ
 นี่ก็เป็นจุดประสงค์หลักที่พาลูก ๆ  มากินอาหารเวียดนามที่นี่  จากที่ลูกพีทไม่ค่อยยอมกินผัก   มาที่กลับแย่งน้องสาวกินซะงั้น  หรืออย่างน้องพิม..ก่อนหน้านี้ไม่ยอมแตะตับหมูเลย  ทั้ง ๆ ที่มีประโยชน์มาก...โดยเฉพาะเด็กสาวที่กำลังโต  เธอบอกว่าไม่ชอบกลิ่นของมัน
แต่พอพาเธอมาที่ “วินเนอร์เฮาส์” แห่งนี้  เธอก็กินโดยไม่ทันรู้ตัว  เพราะน้ำจิ้มแหนมเนืองที่นี่...เค้าผสมตับหมูบดด้วย  เท่าที่สอบถามจากผู้จัดการร้าน   จึงทราบว่าพ่อครัวต้องการให้น้ำจิ้มข้นขึ้น 
และจากความต่าง(จากที่อื่น)นี่เอง  กลับให้ผลบวกทางอ้อม   จึงตกลงกับภรรยาว่า   เดือนหนึ่งต้องมาทานที่นี่อย่างน้อย 1 ครั้ง 
คราวหน้าก็ว่าจะเปลี่ยนไปที่ “วินเนอร์เฮาส์” ตรงแยกวังหินบ้าง  ได้ยินว่าเป็นสาขาใหญ่...บรรยากาศก็อีกแบบหนึ่ง     เด็ก ๆ เค้าจะได้ไม่เบื่อไง   วัยเรียนรู้เค้าหากเห็นอะไรแปลก ๆ ใหม่ ๆ 
 พอป้อนลูก ๆ จนอิ่มแล้ว   ถึงทีของครูกุ๊ก...ผู้เป็นพ่อ   และตัวแม่...หรือก็คือภรรยานั่นเอง  พออยู่ ๆ กันไปนานเข้า   ก็จะใช้เรียกแทนตัวเหมือนที่ลูก ๆ เรียกกัน   ก็น่ารักไปอีกแบบนะ 
จานที่ครูกุ๊กทานแล้วชอบมาก  จนต้องสั่งเบิ้ลก็คือ  หอยลายอบเนย   ซึ่งจะเสิร์ฟมาพร้อมกับขนมปังกระเทียม   นัยว่าส่วนตัวครูกุ๊กชอบอาหารฝรั่งเศสมาก   เคยกินหอยทากฝรั่งเศสอบเนย   หรือที่รู้จักกันในชื่อ “เอสคาโก้”    มาจากรากศัพท์เป็นภาษาฝรั่งเศสEscargot
ร้านนั้นอยู่แล้วราว ๆ ต้นซอยร่วมฤดี  แต่เดี๋ยวนี้ย้ายไปไหนแล้วไม่ทราบ   จำได้ว่าอร่อยสุโก้ยจนลืมไม่ลง   อยากลิ้มรสอีกสักครั้ง  หากเพื่อน ๆ ไปเจอร้านไหนที่อร่อย   ก็กระซิบมาทางอีเมล์นะ   จะรีบไปชิมริและนำภาพมาลงที่นี่
เอาน่า...หอยลายอบเนยในหลุมหนมครกเนี่ย  ก็อร่อยไม่แพ้กัน   ไม่เชื่อก็ชมภาพดูซิครับ   เล่นเอาขนมปังเช็ค(เนย)ในครกซะแห้งเชียว   


 แถมยังตามด้วยไก่ย่างสมุนไพร  ไส้กรอก  และปาท่องโก้เวียดนาม  ที่ดูจะคล้ายกระหนรี่ปั๊บซะมากกว่า
          ส่วนคุณแม่ก็ขออะไรที่เบา ๆ   แบบนี้หนีไม่พ้น “เฝอ” เป็นแน่   หน้าตาก็คล้าย ๆ กับก๋วยเตี๋ยวน้ำบ้านเรา   เพียงแต่เค้าจะใส่กะปิด้วย  
อย่าตกใจไปว่าจะทานได้หรือ   ตอนแรกภรรยาครูกุ๊กก็ทำหน้าแปลก ๆ แบบไม่แน่ใจ   แต่ก็หยดมะนาวใส่ลงไปพร้อมกับชิมไปด้วย  แค่คำเดียวเท่านั้นแหล่ะ  คราวนี้ยกกะปิที่เหลือเทซะหมดถ้วยเลย



ที่ขาดไม่ได้เลย   เห็นจะเป็นทองหยอด   ซึ่งครูกุ๊กขอซื้อไปฝากคุณแม่   ก็บังเอิญพบลูกกตัญญูคนหนึ่ง  พาคุณแม่มาช้อปปิ้งซื้อขนมไทย...น่ารักเชียว   ทำให้นึกถึงแม่ตัวเองขึ้นมา   ส่วนแม่คุณหน่ะ...เจอทุกวันอยู่แล้ว  คิดถึงน้อย ๆ แต่ให้นาน ๆ เค้าว่างั้น
ฝันดีคืนนั้น...มาตื่นเอาเมื่อตกเตียง   แต่จำได้ว่าเรากำลังเอื้อมมือไปคว้าขนาดตะโก้กล่องสุดท้าย  แต่ถูกลูกค้าอีกท่านคว้าหมับไปก่อน  ไม่ได้เสียดายขนมหรอกนะ  เสียดายที่ต้องตื่นซะก่อน 
 ก็อยากให้ฝันเมื่อคืนนี้เป็นจริงซะที   มิใช่แค่มีเราตามลำพังในบ้าน  อยากได้ลูกชายหญิงคู่นึง   พร้อมภรรยาแสนสวย   ว้า...นี่เราเก็บเอาครอบครัวโต๊ะข้าง ๆ ไปฝันเชียวหรือนี่ 
ธรรมดาของคนโสดมาค่อนชีวิต   ก็อยากมีครอบครัวกับเค้าบ้าง  เข้าทำนอง “คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า”  
เป็นเพราะ “มูทตี้หลับสบาย” แก้วนั้นแน่ ๆ เลย  ใครที่บอกว่าหลับยาก  แวะไปที่วินเนอร์เฮาส์...ก็อย่าลืมสั่งล่ะ  รับรองคืนนั้นจะหลับสบาย  แถมฝันดีแบบที่ครูกุ๊กแน่นอน



อุปกรณ์ถ่ายภาพ ชุดแรก : กล้อง Canon EOS 5D MK II
เลนส์ Canon EF 50mm F1.8 MK I Metal Mount
Fisheye zenitar 16mm f2.8 สวมอะแดฟเตอร์แปลง AF Confirm M42 to EOS
ชุด 2 : Olympus Evolt-330
Nikon AIS 20mm F2.8 สวมอะแดฟเตอร์แปลง AF Confirm Nik to 4/3
Nikon PC 35mm f2.8 อะแดฟเตอร์รุ่น 3 (Third Gen.)นี้  โชว์ข้อมูลขนาดรูรับแสงที่ใช้ได้
ขาตั้งกล้อง : BENRO
เครื่องวัดแสง : Minolta Flash Meter III, MaMaCup ทำจากซิลิโคนแบบขาวขุ่น
Canon speedlight 580EX วางบนFlash Stand ซิงค์แฟลชด้วย TTL OFF CORD
(สนใจเรียนวิธีการถ่ายภาพอาหาร  รับสอนทั้งกลุ่ม  และส่วนตัว  โทร. 0814382200 เคน)






พอทานไปเพลิน ๆ ครูกุ๊กก็ต้องห้ามแฟนว่า  อย่าเพิ่งทานจรอิ่มตื้อนะ   เดี๋ยวจะพาไปตบของหวาน...เป็นขนมไทย  ก็บังเอิญวันก่อนต้องไปธุระที่แบงค์แห่งหนึ่ง   เจอสาขาใกล้แยกถนนศรีวรา   พอเลี้ยวจากถนนเลียบด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์   หรือชื่อจริง ๆ เค้าคือ “ถนนประดิษฐ์มนูญธรรม”  กลับไม่มีใครนิยมเรียกกัน
พอเสร็จธุระออกจากแบงค์   เงยหน้าขึ้นไปก็เห็นป้ายชื่อ “ขนมไทย หวานดำรงค์” อยู่หน้าปากซอย   แต่ติดนัดลูกค้าก็เลยต้องผ่านไปก่อน  แต่เก็บเอาไปฝันทุกคืนเลยนะ  ก็โถขนมไทยโบราณ   เรากินมาตั้งแต่เด็กแล้ว  หากเป็นรสมือของคนเก่าคนแก่  ทานแล้วก็อยากทานอีก
วันนี้ได้กินสมใจอยากแล้ว  แค่เดินเข้าร้านก็ได้กลิ่นทุเรียนเตะจมูก  “อืม...ใครกินทุเรียนในนี้เนี่ย” ครูกุ๊กถามพี่สาวคนหนึ่งในร้าน
“เหม็นทุเรียนหรือค่ะ” พี่สาวคนดังกล่าวถามกลับ
            “ตรงกันข้าม  หอมต่างหากล่ะครับ  แหมทำให้นึกถึงข้าวเหนียวทุเรียนขึ้นมาเชียว”  แต่ในใจกำลังคิดไปถึงประสบการณ์ไม่ดีเมื่อปีก่อน  เจอข้าวเหนียวเละ  ทุเรียนก็เหลวจนเป็นน้ำ 
“จะรับสักถ้วยมั้ยล่ะค่ะ  รับรองว่าที่นี่เนื้อเป็นเนื้อ  ข้าวเหนียวไม่เละ” 
ครูกุ๊กตาเบิกโพลง...ตะลึง   ก็เหมือนพี่สาวคนนี้จะอ่านใจได้เลยอ่ะ   ก็เลยขอรับสัก 1 ถ้วย…แก้อยาก
 ระหว่างนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นขนมชั้นหลากสี  ทำให้คิดถึงขนมชั้น “ต้องใจ” ที่ถูกปากอย่างยิ่ง  ซึ่งเป็นของดีเมืองแปดริ้วเค้า   รุ้สึกว่าจะเลิกขายไปแล้ว  ส่วนอีกแห่งอยู่โคราช   จ้าวนี้ก็ไกลเกินกำลังจะไปได้บ่อย ๆ
 แต่หนมชั้น(ออกเสียงแบบนี้)ของหวานดำรงเนี่ย   เค้าจะหลายรสหลายสี   ตั้งแต่ดั้งเดิมกลิ่นใบเตย  ไปจนถึงกลิ่นช้อคโกแลต
ส่วนหนมเปียกปูน  ที่นี้เค้าเอามาม้วน...อย่างสวย  เดี๋ยวไม่ค่อยเห็นใครหั่นเป็นสีเหลี่ยมด้านไม่เท่าแล้ว   เด็กรุ่นหลัง ๆ จึงไม่รู้จักสี่เหลี่ยมหัวเล็กท้ายป้านแล้ว  แต่ที่ยังไม่เปลี่ยน   ก็คือต้องโรยหน้าด้วยมะพร้าวขูด  

วันเสาร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2554

มาริโอ้-วิลลี่-เปิ้ล-หอย-เป้-สตาร์บัคส์ เปิดรอบปฐมทัศน์ “สาระแนเห็นผี”

คนดูกว่าพันร่วมพิสูจน์อาการ “ฮา-เหี้ยน-เหียก”
“ฮากระทืบโรง-ขำ-เกร็งจนตีนกาโผล่”

เปิดตัวรอบปฐมทัศน์เขย่าความฮาสนุกคลุกเคล้าความสยองสมกับคำนิยามที่ว่า “ฮาเหี้ยนเหียก” ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ “สาระแนเห็นผี” หนังผีเต็มๆ ตัวในแบบสาระแนจากการแท็คทีมร่วมกันของ “ลักษ์ฟิล์ม” และ “สหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล” ท่ามกลางบรรยากาศไออุ่นในช่วงแห่งความสุขต้อนรับเทศกาลปีใหม่โดยมีบรรดาสื่อมวลชนจากทุกแขนงและแขกรับเชิญมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง สมกับที่ทุกคนรอคอย โดยเหล่าบรรดาผู้ชมภาพยนตร์กว่าพันคนแรกที่ได้สัมผัสต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่างานนี้เหล่าสาระแนจัดเต็มไม่มีกั๊ก นักแสดงทุกคนต่างขนลูกบ้ามาปล่อยกันอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนทั้งหล่อขั้นเทพอย่างมาริโอ้ เมาเร่อ, เซ็กซี่ตัวแม่ อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ รวมทั้งสาระแนตัวดีทุกๆ คนที่ล้วนจัดเต็มชนิดที่ว่าเนื้อหนังจริงๆ ไม่ได้มีแค่ที่เห็นในหนังตัวอย่างเท่านั้นสมกับเป็นภาพยนตร์แห่งความสุข แทนของขวัญปีใหม่จากชาวสาระแนจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการดูหนังผีที่เหนื่อยที่สุดในชีวิต เพราะต้องลุ้นไปในขณะเดียวกับที่เกิดอาการฮากระทืบโรง ถึงขนาดที่ว่าสยอง-เกร็งและขำแรงจนรอยตีนกาโผล่ขึ้นมากันเป็นริ้วๆ เลยทีเดียว

บรรยากาศในงานเปิดตัวรอบปฐมทัศน์เองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าตัวภาพยนตร์โดยเริ่มต้นเขย่าความฮาคลุกเคล้าความสนุกสนานเรียกน้ำย่อยก่อนชมภาพยนตร์ด้วยการที่สาระแนทั้งวิลลี่-เปิ้ล-หอย-เป้-สตารบัคส์-มาริโอ้ ขึ้นเวทีพร้อมคำยืนยันถึงความแตกต่างของหนังผีในแบบสาระแน๊สาระแนที่รับประกันว่าไม่มีในหนังเรื่องอื่นก่อนที่จะทำการสาธิตให้ผู้ชมได้ดูเป็นตัวอย่างถึง 6 อาการข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นในระหว่างการการชมภาพยนตร์ให้แฟนๆ ได้ขำกลิ้งกันก่อนเลย ไม่ว่าจะเป็นขนหัวลุก, ท้องแข็ง, ตาค้าง, ขากรรไกรค้าง, ลืมหายใจ, นิ้วเกร็ง จิกขาตัวเองอย่างบ้าคลั่งพร้อมนักแสดงรับเชิญที่มาสร้างสีสันในภาพยนตร์เรื่องสาระแนเห็นผีบางส่วนที่มาร่วมงานเปิดตัว ไม่ว่าจะเป็นกระแต ศุภักษร, น้องอร-สาระแนสิบล้อ, หลังเลนส์ ฯลฯ ตามด้วยการถ่ายรูปรวมของเหล่าบรรดาผู้บริหารซึ่งประกอบไปด้วย คุณเตือนใจ เตชะรัตนประเสริฐ รองประธานกรรมการ บ.สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล และคุณนรุตต์ เจียรสนอง Senior Marketing Manager, Paragon Cineplex and ImaX และนักแสดงจากภาพยนตร์
โดยงานนี้เหล่าๆ หนุ่มๆ ชาวสาระแนเชิญชวนบรรดาแฟนๆ และสมาชิกในครอบครัวที่ไม่ได้ไปไหนในช่วงปีใหม่ให้ออกมาร่วมฉลองกับสาระแนเห็นผีเป็นการทิ้งท้าย

มาริโอ้ อยากให้ทุกคนมาดูครับ ยิ่งวันหยุดยาว มีเวลาจะได้ให้ทุกคนได้มาดูหนังกัน พาหลูกพาหลานมาดูได้หมดเลยครับ ดูได้ทุกวัย ผมว่าเป็นภาพยนตร์ที่สนุก ตลก เป็นเหมือนของขวัญของสาระแนครับ
หอย เราเรียกคำขวัญของภาพยนตร์เรื่องนี้ว่าฮา เหี้ยน เหียกครับ  ฮาคือตลกมาก เหี้ยนคือน่ากลัว ส่วนเหียกคือหน้าพวกเราเองคือหน้าเหียก มันผสมไปหมด ไม่มีหนังเรื่องไหนที่ต้องปรับอารมณ์เร็วขนาดนี้นะครับ น่ากลัว ตลก ฮา น่ากลัวตลกฮาตลอดเวลา
เปิ้ล  เป็นหนังผีเรื่องแรกของบ.เรา เราก็ไม่แน่ใจว่าคนอื่นจะกลัวรึเปล่า แต่เราเล่นไปดูไปก็กลัวมากเลย แบบว่าตกใจตัวเอง
วิลลี่  อยากให้ติดตามกันคือ น่ากลัวๆจริงด้วย ไอ้ที่บอกว่าฮาๆจริงด้วย รับประกันคุณภาพครับ  รับประกันวาฮาตลอดทั้งเรื่องเลยครับ ตั้งแต่เปิดขึ้นมาเลย
สตาร์บัคส์ สนุกดี น่าตื่นเต้น มีเรื่องสิ่งที่ไม่คาดฝันอยู่ตลอดรออยู่  อั้มสวย
          เป้-นฤบดี (ผกก.)  ตั้งใจทำออกมาให้เป็นหนังผีน่ากลัว แต่ทำไปทำมาทำไมขำซะงั้น ก็เป็นในแบบของสาระแนครับ อยากให้มาลองพิสูจน์ดูกันครับ

“สาระแนเห็นผี” ไปร่วมพิสูจน์ด้วยตาตัวเองได้แล้ว
30 ธ.ค.นี้ ทุกโรงภาพยนตร์จ้า